ค้นหางานที่ต้องการ
Web Site หางาน
นัดพบแรงงาน เว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน กระมทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม มีบริการแนะแนวอาชีพ ข่าวและเหตุการณ์สำคัญ ตำแหน่งงานที่ว่าง และตลาดนัดพบแรงงาน
www.ejobeasy.com
สมัครงาน เว็บไซต์ที่ให้บริการด้านค้นหางาน ตำแหน่งงานที่ว่างทั้งงานราชการ งานเอกชน รวมทั้งสาระน่ารู้เกี่ยวกับการสมัครงาน
www.jobbees.com
จ๊อบบีส์ เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาตำแหน่งงานที่ว่าง และบริษัทที่ต้องการวิธีกรอกใบสมัครและประวัติ และเทคนิคที่น่าสนใจในการสมัครงาน
www.jobaa.com/th
ค้นหางาน เว็บไซต์สำหรับผู้ที่ต้องการหางานทำบริการค้นหางาน คู่มือแนะนำสำหรับผู้สมัครงานพร้อมแนะนำงานใหม่ๆ
www.job-kool.com
หางานบนอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์สำหรับผู้ที่กำลังมองหางาน ให่บริการค้นหา ตำแหน่งงานที่ต้องการ ตำแหน่งงานที่ว่าง เคล็ดลับและสาระที่น่าสนใจสำหรับผู้สมัครงาน
www.jobpilo.co.th
บริษัทจัดหางาน เว็บไซต์เพื่อคนออนไลน์และคนทำงาน มีรายละเอียดของงานและแหล่งงานเทคนิคการเขียนใบสมัครงาน สาระน่ารู้เพื่อคนทำงานทั้งหลาย
www.jobsdb.com
งานด่วน งานดี ค้นหางานได้ที่จ็อบดีบีดอตคอม ประเภทของงาน ตำแหน่งงานที่ว่าง แบบฟอร์มใบสมัครงาน
www.jobpub.com
เพื่อคนหางาน เว็บไซต์ค้นหางานตามตำแหน่งที่ต้องการหรือประเภทของงานหรือบริษัทและมีข้อมูลสำหรับนายจ้างที่ต้องการพนักงานทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
www.jobthai.com
จ็อบไทย เว็บสำหรับนายจ้างที่ต้องการหาคนทำงาน และผู้ที่ต้องการหางานทำ โดยค้นหางานตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และประเภทของงานที่ต้องการ
www.jobtopgun.com
เว็บไซต์หางาน ค้นหางานเด่น งานด่วน ตามประเภทของงานที่ต้องการ แนะนำตำแหน่งงานใหม่ เคล็ดลับการเขียนใบสมัครงาน
www.thaiejob.com
ไทยอีจ็อบดอตคอม เว็บไซต์ศูนย์กลางข้อมูลหางาน บริการค้นหางาน สมัครงานบนอินเตอร์เน็ต เทคนิคการเตรียมตัวและการสัมภาษณ์ให้ได้งาน
คำถามยอดฮิตในการสัมภาษณ์งาน
- ทำไมคุณถึงอยากมาทำงานที่นี่
แน่นอนผู้สัมภาษณ์จะต้องถามความเป็นมา ว่าทำไมคุณถึงต้องการที่จะทำงานในบริษัทของเขา และคุณก็ควรจะรู้ถึงเหตุผลของคุณอย่างแท้จริง ไม่ใช่ตอบไปสุ่มสี่สุ่มห้า คุณอาจจะตอบว่า
"ดิฉัน/ผมมีความสนใจในระบบการทำงานของที่นี่มาก และก็ทราบมาว่าทางบริษัทได้เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้แสดงความสามรถได้อย่างเต็มที่ค่ะและดิฉันยังทราบมาอีกว่า ที่บริษัทรับฟังข้อเสนอของพนักงานทุกคน และพร้อมจะแก้ไขถ้าข้อเสนอนั้น จะสามารถพัฒนาบริษัทให้มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นค่ะ ที่สำคัญดิฉัน/ผมมั่นใจครับว่าผมสามารถที่จะปฏิบัติงานตามจุดมุ่งหมายของบริษัทให้ประสบความสำเร็จร่วมกันได้เป็นอย่างดี"
ผลว่าตอบอย่างนี้ใช้ได้เลยทีเดียวล่ะครับ......หุหุ
2. ทำไมคุณถึงออกจางานที่เคยทำอยู่
คำถามนี้จะง่ายมาก สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน แต่จะเป็นคำถามที่บากมาสำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว และเป็นคำถามที่ตรงประเด็นมากเลยทีเดียว เพราะหากคุณพอใจต่องานที่ทำอยู่ คุณคงไม่ต้องหางานใหม่ทำหรอกจริงมั๊ยครับ คำถามนี้จึงเป็นคำถามที่คุณต้องเตรียมตัวอย่างมากเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น
"ผมอยากจะเรียนรู้ถึงงานสายใหม่ที่น่าจะเหมาะกับตัวผมมากกว่าที่ผมเคยทำอยู่ครับ และผมคิดว่างานที่นี้เหมาะสมกับผม และผมก็พร้อมที่จะทำงานตรงนี้มากที่สุด"
และที่สำคัญ อย่าได้นำข้อเสียที่คุณได้รู้จักจากบริษัทเก่า มาเล่ามาพูดเด็ดขาดเพราะสิ่งนั้นอาจทำให้คะแนนแห่งความเชื่อถือของคุณลดลงก็ได้ เพราะคงไม่มีที่ไหนอยากได้คนที่ออกงานมาแล้วเผาบริษัทเก่าซะวอดวาย มันจะส่งผลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของบริษัทเขานะครับจำไว้
3. ลองเล่าประวัติของคุณแบบย่อๆ
ข้อมูลส่วนตัว ประวัติ ความเป็นมาเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของคุณได้ สามารถบอกถึงความเหมาะสมกับงานด้านนี้ของคุณ ในการตอบคำถามจึงควรอยู่ในแง่ของการทำงาน บุคลิกภาพส่วนตัวและแง่คิดของชีวิตบ้างนิดหน่อย คุณไม่ควรจะเล่าประวัติชีวิตของคุณให้มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวคุณเอง เช่น
"ผมเป็นคนเคารพเวลา ไม่ชอบให้ใครรอ เพราะฉะนัน้เวลาในการทำงานของผม จะตรงต่อเวลาเสมอ แต่ผมก็มีข้อเสียนะครับคือ เวลาที่ผมรอใคร แล้วคนๆนั้นไม่มาสักที ผมก็มักจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยได้ทั้งๆ ที่เหตุผลของเขา เป็นเหตุผลที่น่าฟังมากก็ตาม และตอนนี้ผมกำลังหาวิธีเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผมอยู่ครับ"
เห็นมั้ยครับ ดูดีออกจาตายไป หุหุ
4. คุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด
คำถามนี้จะทำให้คุณบอกถึงความสามารถของคุณที่จะทำให้กับบริษัท การบอกถึงคุณสมบัติที่คุณสามารถทำได้นั้น ไม่ถือว่าเป็นการโอ้อวดว่าคุณเก่งนะครับแต่สิ่งที่คุณพูดนั้นจะสามารถสร้างน้ำหนักในการตอบคำถามให้แก่คุณได้
5. จะมีปัญหาอะไรไหมหากต้องทำงานล่วงเวลา
เจอคำถามนี้เข้า ก็ทำให้อึ้งเอาการอยูที่เดียว ก็แหมใครอยากจะไปทำงานล่วงเวลาหากไม่ได้อะไรตอบแทนจริงมั๊ยครับ ฉะนั้นในการตอบคำถามนี้ คุณควรจะกล่าวถึงความพร้อมเสมอในการทำงานล่วงเวลา ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนอาจจะน้อยมาก หรือในการทำงานล่วงเวลาจะไปตรงกับตารางนัดสำคัญกับคนพิเศษของคุณก็ตามประสบความสำเร็จ ผมก็พร้อมจะทำงานล่วงเวลาเสมอครับ"
6. เรื่องทั่วๆไป
ในการสัมภาษณ์คุณอาจจะต้องพูดถึงเรื่องปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและค่านิยมที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ คำถามนี้จะแสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสนใจกับข่าวสาร บ้านเมือง ไม่เป็นคนที่ตกข่าวสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันของคุณเพิ่มขึ้นมาก็ได้
7. ความใฝ่ฝันและโครงการในอนาคต
เป็นการพิจารณาถึงความเอาจริงเอาจังของคุณ เพราะหากคุณสามารถบอกถึงทิศทางในอนาคตได้ นั่นก็แสดงว่าคุณสามารถรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี ก็ขนาดอนาคตที่ไม่มีใครสามรถรู้ได้ คุณยังวางแผนสู่อนาคตได้อย่างเป็นระบบ นั่นก็หมายถึงว่า คุณไม่ได้มีความคิดย่ำอยู่กับที่ถูกมั๊ยครับ
8. คุณมีงานอดิเรกอะไรไหม
ข้อนี้จะเจาะประเด็นว่า คุณรู้จักแบ่งเวลาของคุณให้เกิดประโชยน์มากน้อยแค่ไหน และแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของคุณว่า คุณเป็นคนอย่างไร ร่า เริง เปิดเผย หรือ เก็บตัว เช่น ถ้าคุณตอบว่าคุณชอบอ่านหนังสือ คุณอาจจะถูกถามต่อว่าหนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่านคือเรื่องอะไร และอาจให้คุณวิจารณ์ถึงหนังสือเล่มนั้น ในการถามคำถามนี้ ยังสามารถได้รู้ถึงความละเอียดอ่อนของคุณ การรู้จักสังเกตการมีปฏิภาณไหวพริบ กระทั่งการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ อีกด้วยครับ
9. คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่
ยากนะครับ กับการตอบคำถามนี้ ถ้างานที่คุณไปสมัครระบุเงินเดือนไว้แล้วก็เกิดความสบายใจหน่อย เพราะ อย่างน้อยก็ทำให้คุณประเมินได้ว่าเงินเดือนที่ระบุไปในในสมัครเขาก็รับได้อยู่ระดับหนึ่งแต่ถ้าไม่ได้ระบุก็แย่หน่อย ทางที่ดีคุณควนตอบตามอัตราเงินเดือนที่คนทั่วไปได้รับกันครับ เช่น อาจจะถามเพื่อนที่ทำงานเหมือนกับตำแหน่งที่คุณสมัคร หรือตอบตามเงินเดือนราชการ ที่คุณทราบก็ได้ แต่ถ้าหากผู้สัมภาษณ์เสนอเงินเดือนมาสูง หรือต่ำกว่าอัตราที่คุณรู้คุณก็อย่าเพิ่งตอบตกลง คุณอาจจะขอเวลาในการพิจารณาสัก 3 วัน แล้วค่อยให้คำตอบ เพราะถ้าเกิดคุณตอบตกลงไปแล้ว และคุณมาขอขึ้นทีกลังก็เหมือนกับว่า คุณเป็นคนโลเลไม่น่าเชื่อถือก็ได้
10. คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกมั้ย
นี่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าการสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง แต่ในการตอบคำถามข้อสุดท้ายนี้ จะตอบยังไงล่ะ ถึงจะแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเราไม่ได้โง่นะ ผมว่าคุณอาจจะถามย้ำ เรื่องเวลาการทำงานก๋ได้นะครับ เช่น
"ผมอยากทราบเวลาที่แน่นอนในการทำงานของผมครับ"
หรือคุณอาจจะไม่ต้องการถามอะไรก็ได้ เพราะการถามไม่ได้ถามก็เท่ากับว่า คุณได้ทราบข้อมูลของบริษัทมากพอแล้ว แต่ถ้าเกิดสงสัยจริงๆ ก็ควรตั้งคำถามที่ฟังแล้วดูดี และถูกใจนายจ้างของคุณให้มากที่สุด
คำถามที่พูดมาข้างต้นนี้ดูแล้วก็ไม่ยากเลยนะครับ สำหรับการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานของคุณ แค่คุณมีความพร้อมกับคำถามเด็ดๆนี้ คุณก็สามารถชนะใจกรรมการได้แล้ว อย่างน้อยมันคงมีสักคำถามล่ะ ที่ตรงกับการเตรียมตัวของคุณและสร้างความมั่นใจในการตอบคำถามของคุณได้ แล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติดูนะครับ เพราะสิ่งนี้เป็นเส้นทางที่จะทำให้คุณสามารถได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานในบริษัทที่คุณใฝ่ฝัน ได้อย่างภาคภูมิใจในที่สุดครับ
การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
- ถ้าประสบการณ์ของคุณน้อย คุณก็ควรจะบอกว่า คุณมีประสบการณ์ที่จำเป็นต่องานนี้โดยไม่ต้องผ่านงานประจำมาก่อน เช่น คุณเคยผ่านงานพิเศษสมัยเรียน เคยร่วมในกิจกรรมของมหาวิทยาลัยหรือองค์กรและถึงแม้ว่าประสบการณ์นั้นจะไม่สัมพันธ์กับงานที่ต้องการนี้เลยก็ตามแต่ ก็มั่นใจว่ามาสารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานนี้ได้อย่างแน่นอน
- แล้วในกรณีที่คุณเอาแต่เรียนอย่างเดียวไม่เคยทำกิจกรรมใดๆเลย ทางเดียวที่จะแก้จุดนี้ได้ก็คือ แสดงให้เห็นว่าการเรียนก็เป็นประสบการณ์การทำงานอย่างหนึ่ง เช่น คุณมีประสบการณ์ที่ต้องทำงานส่งให้ทันกำหนดเส้นตาย หรือคุณผ่านการทำรายงานชิ้นสำคัญๆ มาแล้วหลายชิ้น การทำงานกลุ่มร่วมกับคนอื่นๆ ก็คงจะเป็นทางออกที่ดีครับ
- ผลการเรียนต่ำ GPA ไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณควรอย่างยิ่งที่จะให้เหตุผลว่า ถึงเกรดของคุณไม่สูงแต่คุณก็มีประสบการณ์จากชีวิตจริง หรือเน้นย้ำว่าความสำเร็จของการศึกษาและในการทำงานต้องการสิ่งอื่นมากกว่าแค่เกรดสูงอย่างเดียว คุณมีประสบการณ์ในการทำกิจกรรมอื่นๆมาชดเชย อธิบายให้เขาเห็นถึงจุดเกด่นของคุณนะครับ
- ถ้าคุณถูกถามว่า ทำไมถึงไม่ค่อยร่วมกิจกรรมของมาหวิทยาลัยมากนัก คุณก็ควรบอกว่าต้องเรียนหนังสือหนักมาก และยังทำงานพิเศษไปด้วยจากนั้นก็รีบอ้างถึงประสบการณ์การทำงานต่างๆ ของคุณระหว่างเรียน
- อายุน้อยเกินไป หากคุณสมัครงานตำแหน่งสำคัญแต่ถูกติงว่าอายุยังน้อยเกินไป คุณควรอธิบายถึงประโยชน์ของการมีอายุน้อยว่า
- ยินดีทำงานเต็มที่แม้จะได้เงินเดือนน้อยกว่าผู้ที่มีประสบการณ์
- มีไอเดียทันสมัยสมกับที่ได้ศึกษาหาความรู้ใหม่ล่าสุดจากมหาวิทยาลัย
- หรือไม่ต้องแก้ไขนิสัยการทำงานแบบเก่าๆ ที่ไม่เหมาะสมกับงานใหม่ในปัจจุบัน
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้แหละครับ คุณต้องคำนึงและใช้สติอย่างมาก เพราะเป็นไปได้ว่าทุกคำพูดของคุณ จะถูกบันทึกลงในสมองของผู้สัมภาษณ์และเขาจะมีวิธีการในการสืบค้นข้อมูลจากคุณ ไม่ต่างจากพนักงานสอบสวน จนบางครั้งคุณเองก็ลืมไปเลยว่า ได้ตอบคำถามเหล่านี้ไปแล้วรอบหนึ่ง และที่น่ากลัวก็คือ รอบสองที่คุณตอบดันไม่เหมือนกับรอบแรก อันนี้ต้องระวังและทำการบ้านหนักหน่อยนะครับ
เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน
จะไปสัมภาษณ์งานทั้งที เป็นใครไม่ว่าผ่านห้องสัมภาษณ์มาจนเจนสนามแล้วก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้สักทีครับ ยิ่งถ้าเป็นงานที่เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยแล้ว ยิ่งเกิดอาการประหม่าเป็นธรรมดา แต่ผมมีแนวทางในการเตรียมความพร้อมก่อนไปสัมภาษณ์มาให้คุณได้ลองเช็คกันดูครับ
1. ลองหากระดาษเปล่า แล้วเขียนคุณสมบัติ ตำแหน่งที่คุณสมัครที่นายจ้างต้องการ แล้วเช็คดูว่าคุณสมบัติของคุณตรงตามนั้นรึเปล่า ถ้าตรงมีกี่ข้อ
2. หาข้อมลเกี่ยวกับบริษัทที่คุณจะไปสัมภาษณ์ ให่ได้มากที่สุด และลองประเมินคร่าวๆ ว่าคุณมีคู่แข่งในสังเวียนเดียวกันนี้ มากหรือน้อยแค่ไหน
3. เตรียมตอบคำถามในห้องสัมภาษณ์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คำถามที่คุณต้องเจอก็คือ "ช่วยแนะนำตัวเองหน่อย" หรือ "Tell me aboyt your self" ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนอื่นเลยคือ เขียนสคริปต์แนะนำตัวเอง ความยาวประมาณ 1 นาที และลองแนะนำตัวเองกันเพื่อน หรือจะพูดคนเดียวหน้ากระจกก็ได้ (เอาน่า เพื่ออนาคตอย่าคิดว่าตัวเองบ้าเลย)
4. คำถามยอดฮิตที่คุณอาจจะได้เจอคือ ให้ "ลองเล่าประสบการณ์ หรือ เหตุการณ์ที่คุณเคยประสบความสำเร็จให้ฟังหน่อยสิ" หรือ "Tell me about a time when......" ตรงนี้คุณควรเตรียมเรื่องที่จะเล่า คงไม่ดีแน่ถ้าคุณไปนึกเอาเดี๋ยวนั้นในห้องสัมภาษณ์ ทางที่ดีให้เตรียมเรื่องราวที่คุณ (คิดว่า) เคยประสบความสำเร็จมา อย่างน้อยสัก 5 เรื่อง (เผื่อไว้ไม่เสียหายอะไรหรอกครับ)
5. เตรียมคำถามที่จะไปถามผู้สัมภาษณ์ นอกจากที่คุณจะต้องตอบคำถามหลายต่อหลายข้อแล้วในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์จะเปิดโอกาศให้คุณได้ตั้งคำถามบ้าง ซึ่งถ้าถามสุ่มสี่สุ่มห้าประเภทว่าอยากรู้อะไรก็ถาม ก็คงไม่ใช้เรื่องดีนัก(เผลอๆอาจทำให้คะแนนของคุณหล่นฮวบ แม้ว่าจะตอบคำถามดีมาตลอด) การตั้งคำถามจึงสำคัญไม่แพ้กับการตอบคำถามเลยทีเดียว ซึ่งคำถามที่คุณควรจะถาม ก็น่าจะ เป็นลักษณะของงานหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆ อะไรอย่างนี้ครับ ไม่ใช้ว่าไปถามคนสัมภาษณ์งานว่าทำงานมากี่ปี มีลูกเมียแล้วหรือยัง จบครับ ถามอย่างงี้จบกันแน่ๆครับ
6. คิดเอาไว้ว่า อัตราเงินเดือนของตำแหน่งที่คุณสมัครอยู่ในระดับใด และที่คุณคาดหวังว่าจะได้ประมาณเท่าไหร่ อาจจะคิดเป็นอัตราเงินเดือนขั้นต่ำที่คุณคาดว่าจะได้ นี่คือคำถามที่คุณต้องตอบทั้งในใบสมัครงานและการสัมภาษณ์แน่นอน (เอาแต่พอดีพองานนะครับ ท่องไว้ พอดี พอดี)
7. เตรียมรายชื่อบุคคลที่คุณสามารถใช้เป็นผู้ค้ำประกัน หรือบุคคลที่ให้ข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับตัวคุณได้ (ที่ไม่ใช้ญาติ) ซึ่งอันนี้คุณควรขออนุญาติเขาก่อนนะครับ และจะดีมากถ้าคุณแจ้งเขาไว้ล่วงหน้าว่าจะมาสัมภาษณ์งานวันไหน
พูดยังไงตอบอย่างไรให้ดูดี
แน่นอนที่สุดครับ การสัมภาษณ์งานคงต้องใช้น้ำเสียงของคุณ บวกกับศิลปะการพูดที่เป็นทักษะเฉพาะตัวของแต่ละคน ในจุดนี้ใครที่พูดเก่งก็อาจจะคิดว่าสบายๆ แต่คุณลืมคิดไปว่าพูดเก่งกับพูดเป็นนั้น มันต่างกันอยู่มากนะครับ
แล้วยังไงล่ะที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าพูดเป็นหรือพูดเก่ง เอาง่ายๆพูดเก่งก็อาจจะเป็นพวกที่พูดไปเรื่อย พูดตลอดเวลา พูดไม่หยุดไม่หย่อน ไม่เคนสนใจเลยว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้น คนที่เขาฟังอยู่อยากจะฟังหรือเปล่า เห็นเขายิ้มๆ เวลาที่พูดนั่นน่ะ เขาเอือมจะแย่ แต่ไม่แสดงออกต่างหาก ส่วนพูดเป็นก็ประเภทพูดในสิ่งที่ควรจะพูด ตรงประเด็น ใช้สติคิดก่อนที่จะพูด สามารถสื่อสารสิ่งที่พูดออกมาได้ชัดเจน แค่นี้คงพอจะเข้าใจกันนะครับ
คราวนี้มาดูกันนะครับว่าเวลาสัมภาษณ์งานเราควรจะพูดจะตอบแบบไหนถึงจะดี
อันนี้พอจะสรุปมาเป็นข้อๆได้ตามนี้นะครับ
- น้ำเสียงง่ายๆ เลยคับก็เอาให้เสียงดังฟังชัด ความดังของเสียงอยู่ในระดับที่ได้ยินชัดว่าอะไร ก็เพียงพอแล้ว (ไม่ต้องไปตะโกนใส่ ให้คนที่สัมภาษณ์เราตกใจล่ะครับ)
- จังหวะในการพูดให้พอดี การพูดช้าอาจเป็นเพราะใช้เวลาในการคิดหาคำตอบ ถ้าเป็นกรณีนี้การเตรียมตัวมาก่อนอย่างดีจะช่วยได้เพราะจะทำให้คุณสามารถตอบได้ทันที ดังนั้น จึงต้องศึกษาคำถามและเตรียมคำตอบไว้ก่อนนะครับ
- คนที่ติดคำแบบ เอ้อ อ้า แบบว่า แล้วก็ เหล่านี้นะครับจะทำให้ผู้ฟังเบื่อรำคาญได้ ใรที่ติดคำพวกนี้ ต้องฝึกและพยายามระวังตัวไม่ให้พูดคำเหล่านี้บ่อยเกินไป
- คำแสลงกับพวกศัพท์วัยรุ่นทั้งหลาย มันจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจขึ้นได้ อันนี้ก็ต้องระวัง การใช้คำที่เป็นภาษาเฉพาะรับรู้กันในหมู่วัยเดียวกันก็เอาไว้คุยกับเพื่อนๆ คุณเถอะนะครับ
- อย่าพูดมากหรือน้อยเกินไป เอาแค่ประเด็นที่สำคัญที่คนถามเขาอยากรู้ก็พอครับ อย่าบ้าน้ำลาย หรืออมพะนำจนคนฟังเขาไม่รู้สึกสนใจอยากจะฟัง มันจะดูเป็นคนไม่เอาไหนไร้สาระ หรือไม่ก็อาจถูกมองว่า ถ้ารับเข้ามาทำงานคงจะเสียเวลาในการทำงานไปกับการพูด หรือไม่ก็ไร้มนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานไปซะงั้น
- อย่าโกหกอันนี้สำคัญมาก เพราะอาจทำให้ผู้สัมภาษณ์มองว่า ขนาดตอนสัมภาษณ์ยังไม่ทันได้เข้ามาทำงานยังหลอกกันได้ แล้วจะมีใครไว้วางใจให้เข้ามาทำงาน หรือบางคนโกหกเก่ง จึงอาจจะหลอกได้บ้าง แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้สัมภาษณ์มีประสบการณ์มากกว่า โอกาสที่จะหลอกไม่สำเร็จ ถูกจับโกหกได้จึงมีอยู่สูงพอสมควรนะครับ