ค้นหางานที่ต้องการ

Custom Search

การตอบ การสัมภาษณ์งาน

ตามาดูที่เว็บนี้ได้เลยครับ http://jobhot.uuuq.com/index.html

ตัวอย่างการสมัครงานทาง Internet

ตามมาดูได้ที่เว็บนี้ครับ http://jobhot.uuuq.com/index.html

ตัวอย่างการเขียน Resume

ตามมาดูที่เว็บนี้ได้เลยครับ http://jobhot.uuuq.com/index.html

Web Site หางาน

www.doe.go.th
นัดพบแรงงาน เว็บไซต์ของกรมการจัดหางาน กระมทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคม มีบริการแนะแนวอาชีพ ข่าวและเหตุการณ์สำคัญ ตำแหน่งงานที่ว่าง และตลาดนัดพบแรงงาน

www.ejobeasy.com
สมัครงาน เว็บไซต์ที่ให้บริการด้านค้นหางาน ตำแหน่งงานที่ว่างทั้งงานราชการ งานเอกชน รวมทั้งสาระน่ารู้เกี่ยวกับการสมัครงาน

www.jobbees.com
จ๊อบบีส์ เว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาตำแหน่งงานที่ว่าง และบริษัทที่ต้องการวิธีกรอกใบสมัครและประวัติ และเทคนิคที่น่าสนใจในการสมัครงาน

www.jobaa.com/th
ค้นหางาน เว็บไซต์สำหรับผู้ที่ต้องการหางานทำบริการค้นหางาน คู่มือแนะนำสำหรับผู้สมัครงานพร้อมแนะนำงานใหม่ๆ

www.job-kool.com
หางานบนอินเตอร์เน็ต เว็บไซต์สำหรับผู้ที่กำลังมองหางาน ให่บริการค้นหา ตำแหน่งงานที่ต้องการ ตำแหน่งงานที่ว่าง เคล็ดลับและสาระที่น่าสนใจสำหรับผู้สมัครงาน

www.jobpilo.co.th
บริษัทจัดหางาน เว็บไซต์เพื่อคนออนไลน์และคนทำงาน มีรายละเอียดของงานและแหล่งงานเทคนิคการเขียนใบสมัครงาน สาระน่ารู้เพื่อคนทำงานทั้งหลาย

www.jobsdb.com
งานด่วน งานดี ค้นหางานได้ที่จ็อบดีบีดอตคอม ประเภทของงาน ตำแหน่งงานที่ว่าง แบบฟอร์มใบสมัครงาน

www.jobpub.com
เพื่อคนหางาน เว็บไซต์ค้นหางานตามตำแหน่งที่ต้องการหรือประเภทของงานหรือบริษัทและมีข้อมูลสำหรับนายจ้างที่ต้องการพนักงานทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก

www.jobthai.com
จ็อบไทย เว็บสำหรับนายจ้างที่ต้องการหาคนทำงาน และผู้ที่ต้องการหางานทำ โดยค้นหางานตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ และประเภทของงานที่ต้องการ

www.jobtopgun.com
เว็บไซต์หางาน ค้นหางานเด่น งานด่วน ตามประเภทของงานที่ต้องการ แนะนำตำแหน่งงานใหม่ เคล็ดลับการเขียนใบสมัครงาน

www.thaiejob.com
ไทยอีจ็อบดอตคอม เว็บไซต์ศูนย์กลางข้อมูลหางาน บริการค้นหางาน สมัครงานบนอินเตอร์เน็ต เทคนิคการเตรียมตัวและการสัมภาษณ์ให้ได้งาน

คำถามยอดฮิตในการสัมภาษณ์งาน

คำถามที่เขานิยมจะถามกัน ซึ่งคุณควรจะเตรียมพร้อมสักหน่อย เพราะอย่างน้อย ถ้าตอบคำถามอื่นๆ ได้ไม่ดี ก็ยังพอมีคำถามที่เราตอบแล้ว ฟังดูเข้าท่าเข้าทางบ้าง ผมแน่ใจนะครับว่าถ้าคุณเข้าไปสัมภาษณ์งานแล้วเนี่ย ต้องเจอคำถามเหล่านี้มากกว่า 5 ข้ออย่างแน่นอน

  1. ทำไมคุณถึงอยากมาทำงานที่นี่

แน่นอนผู้สัมภาษณ์จะต้องถามความเป็นมา ว่าทำไมคุณถึงต้องการที่จะทำงานในบริษัทของเขา และคุณก็ควรจะรู้ถึงเหตุผลของคุณอย่างแท้จริง ไม่ใช่ตอบไปสุ่มสี่สุ่มห้า คุณอาจจะตอบว่า

"ดิฉัน/ผมมีความสนใจในระบบการทำงานของที่นี่มาก และก็ทราบมาว่าทางบริษัทได้เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้แสดงความสามรถได้อย่างเต็มที่ค่ะและดิฉันยังทราบมาอีกว่า ที่บริษัทรับฟังข้อเสนอของพนักงานทุกคน และพร้อมจะแก้ไขถ้าข้อเสนอนั้น จะสามารถพัฒนาบริษัทให้มีความมั่นคง และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นค่ะ ที่สำคัญดิฉัน/ผมมั่นใจครับว่าผมสามารถที่จะปฏิบัติงานตามจุดมุ่งหมายของบริษัทให้ประสบความสำเร็จร่วมกันได้เป็นอย่างดี"

ผลว่าตอบอย่างนี้ใช้ได้เลยทีเดียวล่ะครับ......หุหุ

2. ทำไมคุณถึงออกจางานที่เคยทำอยู่

คำถามนี้จะง่ายมาก สำหรับน้องๆ ที่ยังไม่เคยทำงานมาก่อน แต่จะเป็นคำถามที่บากมาสำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้ว และเป็นคำถามที่ตรงประเด็นมากเลยทีเดียว เพราะหากคุณพอใจต่องานที่ทำอยู่ คุณคงไม่ต้องหางานใหม่ทำหรอกจริงมั๊ยครับ คำถามนี้จึงเป็นคำถามที่คุณต้องเตรียมตัวอย่างมากเลยทีเดียว ตัวอย่างเช่น

"ผมอยากจะเรียนรู้ถึงงานสายใหม่ที่น่าจะเหมาะกับตัวผมมากกว่าที่ผมเคยทำอยู่ครับ และผมคิดว่างานที่นี้เหมาะสมกับผม และผมก็พร้อมที่จะทำงานตรงนี้มากที่สุด"

และที่สำคัญ อย่าได้นำข้อเสียที่คุณได้รู้จักจากบริษัทเก่า มาเล่ามาพูดเด็ดขาดเพราะสิ่งนั้นอาจทำให้คะแนนแห่งความเชื่อถือของคุณลดลงก็ได้ เพราะคงไม่มีที่ไหนอยากได้คนที่ออกงานมาแล้วเผาบริษัทเก่าซะวอดวาย มันจะส่งผลเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของบริษัทเขานะครับจำไว้

3. ลองเล่าประวัติของคุณแบบย่อๆ

ข้อมูลส่วนตัว ประวัติ ความเป็นมาเล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถบ่งบอกถึงนิสัยใจคอของคุณได้ สามารถบอกถึงความเหมาะสมกับงานด้านนี้ของคุณ ในการตอบคำถามจึงควรอยู่ในแง่ของการทำงาน บุคลิกภาพส่วนตัวและแง่คิดของชีวิตบ้างนิดหน่อย คุณไม่ควรจะเล่าประวัติชีวิตของคุณให้มากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสียแก่ตัวคุณเอง เช่น

"ผมเป็นคนเคารพเวลา ไม่ชอบให้ใครรอ เพราะฉะนัน้เวลาในการทำงานของผม จะตรงต่อเวลาเสมอ แต่ผมก็มีข้อเสียนะครับคือ เวลาที่ผมรอใคร แล้วคนๆนั้นไม่มาสักที ผมก็มักจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ค่อยได้ทั้งๆ ที่เหตุผลของเขา เป็นเหตุผลที่น่าฟังมากก็ตาม และตอนนี้ผมกำลังหาวิธีเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องของผมอยู่ครับ"

เห็นมั้ยครับ ดูดีออกจาตายไป หุหุ

4. คุณคิดจะทำอะไรให้กับบริษัทมากที่สุด

คำถามนี้จะทำให้คุณบอกถึงความสามารถของคุณที่จะทำให้กับบริษัท การบอกถึงคุณสมบัติที่คุณสามารถทำได้นั้น ไม่ถือว่าเป็นการโอ้อวดว่าคุณเก่งนะครับแต่สิ่งที่คุณพูดนั้นจะสามารถสร้างน้ำหนักในการตอบคำถามให้แก่คุณได้

5. จะมีปัญหาอะไรไหมหากต้องทำงานล่วงเวลา

เจอคำถามนี้เข้า ก็ทำให้อึ้งเอาการอยูที่เดียว ก็แหมใครอยากจะไปทำงานล่วงเวลาหากไม่ได้อะไรตอบแทนจริงมั๊ยครับ ฉะนั้นในการตอบคำถามนี้ คุณควรจะกล่าวถึงความพร้อมเสมอในการทำงานล่วงเวลา ถึงแม้ว่าค่าตอบแทนอาจจะน้อยมาก หรือในการทำงานล่วงเวลาจะไปตรงกับตารางนัดสำคัญกับคนพิเศษของคุณก็ตามประสบความสำเร็จ ผมก็พร้อมจะทำงานล่วงเวลาเสมอครับ"

6. เรื่องทั่วๆไป

ในการสัมภาษณ์คุณอาจจะต้องพูดถึงเรื่องปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและค่านิยมที่เกิดขึ้นในเวลานั้น เป็นข่าวหนังสือพิมพ์ คำถามนี้จะแสดงให้เห็นว่า คุณให้ความสนใจกับข่าวสาร บ้านเมือง ไม่เป็นคนที่ตกข่าวสามารถพูดคุยได้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบันของคุณเพิ่มขึ้นมาก็ได้

7. ความใฝ่ฝันและโครงการในอนาคต

เป็นการพิจารณาถึงความเอาจริงเอาจังของคุณ เพราะหากคุณสามารถบอกถึงทิศทางในอนาคตได้ นั่นก็แสดงว่าคุณสามารถรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี ก็ขนาดอนาคตที่ไม่มีใครสามรถรู้ได้ คุณยังวางแผนสู่อนาคตได้อย่างเป็นระบบ นั่นก็หมายถึงว่า คุณไม่ได้มีความคิดย่ำอยู่กับที่ถูกมั๊ยครับ

8. คุณมีงานอดิเรกอะไรไหม

ข้อนี้จะเจาะประเด็นว่า คุณรู้จักแบ่งเวลาของคุณให้เกิดประโชยน์มากน้อยแค่ไหน และแสดงให้เห็นถึงบุคลิกของคุณว่า คุณเป็นคนอย่างไร ร่า เริง เปิดเผย หรือ เก็บตัว เช่น ถ้าคุณตอบว่าคุณชอบอ่านหนังสือ คุณอาจจะถูกถามต่อว่าหนังสือเล่มล่าสุดที่คุณอ่านคือเรื่องอะไร และอาจให้คุณวิจารณ์ถึงหนังสือเล่มนั้น ในการถามคำถามนี้ ยังสามารถได้รู้ถึงความละเอียดอ่อนของคุณ การรู้จักสังเกตการมีปฏิภาณไหวพริบ กระทั่งการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นๆ อีกด้วยครับ

9. คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่

ยากนะครับ กับการตอบคำถามนี้ ถ้างานที่คุณไปสมัครระบุเงินเดือนไว้แล้วก็เกิดความสบายใจหน่อย เพราะ อย่างน้อยก็ทำให้คุณประเมินได้ว่าเงินเดือนที่ระบุไปในในสมัครเขาก็รับได้อยู่ระดับหนึ่งแต่ถ้าไม่ได้ระบุก็แย่หน่อย ทางที่ดีคุณควนตอบตามอัตราเงินเดือนที่คนทั่วไปได้รับกันครับ เช่น อาจจะถามเพื่อนที่ทำงานเหมือนกับตำแหน่งที่คุณสมัคร หรือตอบตามเงินเดือนราชการ ที่คุณทราบก็ได้ แต่ถ้าหากผู้สัมภาษณ์เสนอเงินเดือนมาสูง หรือต่ำกว่าอัตราที่คุณรู้คุณก็อย่าเพิ่งตอบตกลง คุณอาจจะขอเวลาในการพิจารณาสัก 3 วัน แล้วค่อยให้คำตอบ เพราะถ้าเกิดคุณตอบตกลงไปแล้ว และคุณมาขอขึ้นทีกลังก็เหมือนกับว่า คุณเป็นคนโลเลไม่น่าเชื่อถือก็ได้

10. คุณมีข้อสงสัยอะไรอีกมั้ย

นี่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าการสัมภาษณ์ได้สิ้นสุดลง แต่ในการตอบคำถามข้อสุดท้ายนี้ จะตอบยังไงล่ะ ถึงจะแสดงให้ผู้สัมภาษณ์เห็นว่าเราไม่ได้โง่นะ ผมว่าคุณอาจจะถามย้ำ เรื่องเวลาการทำงานก๋ได้นะครับ เช่น

"ผมอยากทราบเวลาที่แน่นอนในการทำงานของผมครับ"

หรือคุณอาจจะไม่ต้องการถามอะไรก็ได้ เพราะการถามไม่ได้ถามก็เท่ากับว่า คุณได้ทราบข้อมูลของบริษัทมากพอแล้ว แต่ถ้าเกิดสงสัยจริงๆ ก็ควรตั้งคำถามที่ฟังแล้วดูดี และถูกใจนายจ้างของคุณให้มากที่สุด

คำถามที่พูดมาข้างต้นนี้ดูแล้วก็ไม่ยากเลยนะครับ สำหรับการเตรียมตัวสัมภาษณ์งานของคุณ แค่คุณมีความพร้อมกับคำถามเด็ดๆนี้ คุณก็สามารถชนะใจกรรมการได้แล้ว อย่างน้อยมันคงมีสักคำถามล่ะ ที่ตรงกับการเตรียมตัวของคุณและสร้างความมั่นใจในการตอบคำถามของคุณได้ แล้วอย่าลืมนำไปปฏิบัติดูนะครับ เพราะสิ่งนี้เป็นเส้นทางที่จะทำให้คุณสามารถได้รับคัดเลือกเป็นพนักงานในบริษัทที่คุณใฝ่ฝัน ได้อย่างภาคภูมิใจในที่สุดครับ

การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

ถ้าคุณเกิดเจอข้อกำหนดที่ทางบริษัทเขาต้องการคุณสมบัตินั้น แล้วคุณไม่มีหรือมีน้อยจะทำยังไง เอามาดูกันครับ
  1. ถ้าประสบการณ์ของคุณน้อย คุณก็ควรจะบอกว่า คุณมีประสบการณ์ที่จำเป็นต่องานนี้โดยไม่ต้องผ่านงานประจำมาก่อน เช่น คุณเคยผ่านงานพิเศษสมัยเรียน เคยร่วมในกิจกรรมของมหาวิทยาลัยหรือองค์กรและถึงแม้ว่าประสบการณ์นั้นจะไม่สัมพันธ์กับงานที่ต้องการนี้เลยก็ตามแต่ ก็มั่นใจว่ามาสารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานนี้ได้อย่างแน่นอน
  2. แล้วในกรณีที่คุณเอาแต่เรียนอย่างเดียวไม่เคยทำกิจกรรมใดๆเลย ทางเดียวที่จะแก้จุดนี้ได้ก็คือ แสดงให้เห็นว่าการเรียนก็เป็นประสบการณ์การทำงานอย่างหนึ่ง เช่น คุณมีประสบการณ์ที่ต้องทำงานส่งให้ทันกำหนดเส้นตาย หรือคุณผ่านการทำรายงานชิ้นสำคัญๆ มาแล้วหลายชิ้น การทำงานกลุ่มร่วมกับคนอื่นๆ ก็คงจะเป็นทางออกที่ดีครับ
  3. ผลการเรียนต่ำ GPA ไม่ใช่เรื่องสำคัญ คุณควรอย่างยิ่งที่จะให้เหตุผลว่า ถึงเกรดของคุณไม่สูงแต่คุณก็มีประสบการณ์จากชีวิตจริง หรือเน้นย้ำว่าความสำเร็จของการศึกษาและในการทำงานต้องการสิ่งอื่นมากกว่าแค่เกรดสูงอย่างเดียว คุณมีประสบการณ์ในการทำกิจกรรมอื่นๆมาชดเชย อธิบายให้เขาเห็นถึงจุดเกด่นของคุณนะครับ
  4. ถ้าคุณถูกถามว่า ทำไมถึงไม่ค่อยร่วมกิจกรรมของมาหวิทยาลัยมากนัก คุณก็ควรบอกว่าต้องเรียนหนังสือหนักมาก และยังทำงานพิเศษไปด้วยจากนั้นก็รีบอ้างถึงประสบการณ์การทำงานต่างๆ ของคุณระหว่างเรียน
  5. อายุน้อยเกินไป หากคุณสมัครงานตำแหน่งสำคัญแต่ถูกติงว่าอายุยังน้อยเกินไป คุณควรอธิบายถึงประโยชน์ของการมีอายุน้อยว่า
  • ยินดีทำงานเต็มที่แม้จะได้เงินเดือนน้อยกว่าผู้ที่มีประสบการณ์
  • มีไอเดียทันสมัยสมกับที่ได้ศึกษาหาความรู้ใหม่ล่าสุดจากมหาวิทยาลัย
  • หรือไม่ต้องแก้ไขนิสัยการทำงานแบบเก่าๆ ที่ไม่เหมาะสมกับงานใหม่ในปัจจุบัน

ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้แหละครับ คุณต้องคำนึงและใช้สติอย่างมาก เพราะเป็นไปได้ว่าทุกคำพูดของคุณ จะถูกบันทึกลงในสมองของผู้สัมภาษณ์และเขาจะมีวิธีการในการสืบค้นข้อมูลจากคุณ ไม่ต่างจากพนักงานสอบสวน จนบางครั้งคุณเองก็ลืมไปเลยว่า ได้ตอบคำถามเหล่านี้ไปแล้วรอบหนึ่ง และที่น่ากลัวก็คือ รอบสองที่คุณตอบดันไม่เหมือนกับรอบแรก อันนี้ต้องระวังและทำการบ้านหนักหน่อยนะครับ

เตรียมตัวสัมภาษณ์งาน

ก่อนสัมภาษณ์
จะไปสัมภาษณ์งานทั้งที เป็นใครไม่ว่าผ่านห้องสัมภาษณ์มาจนเจนสนามแล้วก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้สักทีครับ ยิ่งถ้าเป็นงานที่เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยแล้ว ยิ่งเกิดอาการประหม่าเป็นธรรมดา แต่ผมมีแนวทางในการเตรียมความพร้อมก่อนไปสัมภาษณ์มาให้คุณได้ลองเช็คกันดูครับ

1. ลองหากระดาษเปล่า แล้วเขียนคุณสมบัติ ตำแหน่งที่คุณสมัครที่นายจ้างต้องการ แล้วเช็คดูว่าคุณสมบัติของคุณตรงตามนั้นรึเปล่า ถ้าตรงมีกี่ข้อ

2. หาข้อมลเกี่ยวกับบริษัทที่คุณจะไปสัมภาษณ์ ให่ได้มากที่สุด และลองประเมินคร่าวๆ ว่าคุณมีคู่แข่งในสังเวียนเดียวกันนี้ มากหรือน้อยแค่ไหน

3. เตรียมตอบคำถามในห้องสัมภาษณ์ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว คำถามที่คุณต้องเจอก็คือ "ช่วยแนะนำตัวเองหน่อย" หรือ "Tell me aboyt your self" ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนอื่นเลยคือ เขียนสคริปต์แนะนำตัวเอง ความยาวประมาณ 1 นาที และลองแนะนำตัวเองกันเพื่อน หรือจะพูดคนเดียวหน้ากระจกก็ได้ (เอาน่า เพื่ออนาคตอย่าคิดว่าตัวเองบ้าเลย)

4. คำถามยอดฮิตที่คุณอาจจะได้เจอคือ ให้ "ลองเล่าประสบการณ์ หรือ เหตุการณ์ที่คุณเคยประสบความสำเร็จให้ฟังหน่อยสิ" หรือ "Tell me about a time when......" ตรงนี้คุณควรเตรียมเรื่องที่จะเล่า คงไม่ดีแน่ถ้าคุณไปนึกเอาเดี๋ยวนั้นในห้องสัมภาษณ์ ทางที่ดีให้เตรียมเรื่องราวที่คุณ (คิดว่า) เคยประสบความสำเร็จมา อย่างน้อยสัก 5 เรื่อง (เผื่อไว้ไม่เสียหายอะไรหรอกครับ)

5. เตรียมคำถามที่จะไปถามผู้สัมภาษณ์ นอกจากที่คุณจะต้องตอบคำถามหลายต่อหลายข้อแล้วในช่วงท้ายของการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์จะเปิดโอกาศให้คุณได้ตั้งคำถามบ้าง ซึ่งถ้าถามสุ่มสี่สุ่มห้าประเภทว่าอยากรู้อะไรก็ถาม ก็คงไม่ใช้เรื่องดีนัก(เผลอๆอาจทำให้คะแนนของคุณหล่นฮวบ แม้ว่าจะตอบคำถามดีมาตลอด) การตั้งคำถามจึงสำคัญไม่แพ้กับการตอบคำถามเลยทีเดียว ซึ่งคำถามที่คุณควรจะถาม ก็น่าจะ เป็นลักษณะของงานหน้าที่ความรับผิดชอบต่างๆ อะไรอย่างนี้ครับ ไม่ใช้ว่าไปถามคนสัมภาษณ์งานว่าทำงานมากี่ปี มีลูกเมียแล้วหรือยัง จบครับ ถามอย่างงี้จบกันแน่ๆครับ

6. คิดเอาไว้ว่า อัตราเงินเดือนของตำแหน่งที่คุณสมัครอยู่ในระดับใด และที่คุณคาดหวังว่าจะได้ประมาณเท่าไหร่ อาจจะคิดเป็นอัตราเงินเดือนขั้นต่ำที่คุณคาดว่าจะได้ นี่คือคำถามที่คุณต้องตอบทั้งในใบสมัครงานและการสัมภาษณ์แน่นอน (เอาแต่พอดีพองานนะครับ ท่องไว้ พอดี พอดี)

7. เตรียมรายชื่อบุคคลที่คุณสามารถใช้เป็นผู้ค้ำประกัน หรือบุคคลที่ให้ข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับตัวคุณได้ (ที่ไม่ใช้ญาติ) ซึ่งอันนี้คุณควรขออนุญาติเขาก่อนนะครับ และจะดีมากถ้าคุณแจ้งเขาไว้ล่วงหน้าว่าจะมาสัมภาษณ์งานวันไหน

พูดยังไงตอบอย่างไรให้ดูดี
แน่นอนที่สุดครับ การสัมภาษณ์งานคงต้องใช้น้ำเสียงของคุณ บวกกับศิลปะการพูดที่เป็นทักษะเฉพาะตัวของแต่ละคน ในจุดนี้ใครที่พูดเก่งก็อาจจะคิดว่าสบายๆ แต่คุณลืมคิดไปว่าพูดเก่งกับพูดเป็นนั้น มันต่างกันอยู่มากนะครับ

แล้วยังไงล่ะที่เป็นตัวบ่งชี้ว่าพูดเป็นหรือพูดเก่ง เอาง่ายๆพูดเก่งก็อาจจะเป็นพวกที่พูดไปเรื่อย พูดตลอดเวลา พูดไม่หยุดไม่หย่อน ไม่เคนสนใจเลยว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้น คนที่เขาฟังอยู่อยากจะฟังหรือเปล่า เห็นเขายิ้มๆ เวลาที่พูดนั่นน่ะ เขาเอือมจะแย่ แต่ไม่แสดงออกต่างหาก ส่วนพูดเป็นก็ประเภทพูดในสิ่งที่ควรจะพูด ตรงประเด็น ใช้สติคิดก่อนที่จะพูด สามารถสื่อสารสิ่งที่พูดออกมาได้ชัดเจน แค่นี้คงพอจะเข้าใจกันนะครับ

คราวนี้มาดูกันนะครับว่าเวลาสัมภาษณ์งานเราควรจะพูดจะตอบแบบไหนถึงจะดี

อันนี้พอจะสรุปมาเป็นข้อๆได้ตามนี้นะครับ
  1. น้ำเสียงง่ายๆ เลยคับก็เอาให้เสียงดังฟังชัด ความดังของเสียงอยู่ในระดับที่ได้ยินชัดว่าอะไร ก็เพียงพอแล้ว (ไม่ต้องไปตะโกนใส่ ให้คนที่สัมภาษณ์เราตกใจล่ะครับ)
  2. จังหวะในการพูดให้พอดี การพูดช้าอาจเป็นเพราะใช้เวลาในการคิดหาคำตอบ ถ้าเป็นกรณีนี้การเตรียมตัวมาก่อนอย่างดีจะช่วยได้เพราะจะทำให้คุณสามารถตอบได้ทันที ดังนั้น จึงต้องศึกษาคำถามและเตรียมคำตอบไว้ก่อนนะครับ
  3. คนที่ติดคำแบบ เอ้อ อ้า แบบว่า แล้วก็ เหล่านี้นะครับจะทำให้ผู้ฟังเบื่อรำคาญได้ ใรที่ติดคำพวกนี้ ต้องฝึกและพยายามระวังตัวไม่ให้พูดคำเหล่านี้บ่อยเกินไป
  4. คำแสลงกับพวกศัพท์วัยรุ่นทั้งหลาย มันจะทำให้เกิดความไม่เข้าใจขึ้นได้ อันนี้ก็ต้องระวัง การใช้คำที่เป็นภาษาเฉพาะรับรู้กันในหมู่วัยเดียวกันก็เอาไว้คุยกับเพื่อนๆ คุณเถอะนะครับ
  5. อย่าพูดมากหรือน้อยเกินไป เอาแค่ประเด็นที่สำคัญที่คนถามเขาอยากรู้ก็พอครับ อย่าบ้าน้ำลาย หรืออมพะนำจนคนฟังเขาไม่รู้สึกสนใจอยากจะฟัง มันจะดูเป็นคนไม่เอาไหนไร้สาระ หรือไม่ก็อาจถูกมองว่า ถ้ารับเข้ามาทำงานคงจะเสียเวลาในการทำงานไปกับการพูด หรือไม่ก็ไร้มนุษย์สัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานไปซะงั้น
  6. อย่าโกหกอันนี้สำคัญมาก เพราะอาจทำให้ผู้สัมภาษณ์มองว่า ขนาดตอนสัมภาษณ์ยังไม่ทันได้เข้ามาทำงานยังหลอกกันได้ แล้วจะมีใครไว้วางใจให้เข้ามาทำงาน หรือบางคนโกหกเก่ง จึงอาจจะหลอกได้บ้าง แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้สัมภาษณ์มีประสบการณ์มากกว่า โอกาสที่จะหลอกไม่สำเร็จ ถูกจับโกหกได้จึงมีอยู่สูงพอสมควรนะครับ

ขอขอบพระคุณจากใจจริงครับ

ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่กำลังมองหางานดีๆอยู่ บล็อกนี้อาจช่วยคุณได้ ด้วยเทคนิคและวิธีการที่จะทำให้คุณสามารถค้นพบคตัวเองมองเห็นเส้นทางที่จะได้มาซึ่งงานที่หวังไว้ แต่อย่าลืมนะครับว่าบล็อกนี้ไม่อาจช่วยคุณได้ทั่งหมด ถ้าคุณไม่ยอมช่วยเหลือตัวเองก่อน ถ้าคุณต้องการลายละเอียดเพิ่มเติมสามารถหาซื้อหนังสือ "คู่มือหางาน ทาง Internet" ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศนะครับ รับรองครับว่า หนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้ และจะทำให้คุณๆประสำผลสำเร็จ อย่างที่ผมประสบผลสำเร็จแน่นอนครับ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบพระคุณหนังสือ "คู่มือหางาน ทาง Internet" ที่เขียนโดยคุณพีรพจน์ ยอดยิ่ง เป็นอย่างมากครับ ที่ทำให้ผมมีงานทำ ขอบพระคุณครับ ขอให้ทุกคนที่เข้ามาอานบล็อกนี้ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน มีงานทำกันทุกๆท่านนะครับ